Chandelier (แชนเดอเลียร์) คือ โคมไฟระย้าขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่กลางห้อง มักประดับตกแต่งอย่างหรูหราด้วยคริสตัล แก้ว หรือวัสดุอื่น ๆ ที่สะท้อนแสงได้ดี
หน้าที่หลักของ Chandelier คือ:
- ให้แสงสว่าง: เป็นแหล่งกำเนิดแสงหลักหรือเสริมในห้อง
- ตกแต่ง: เป็นองค์ประกอบสำคัญในการตกแต่งภายใน ทำให้ห้องดูหรูหรา โอ่อ่า และสวยงามมากขึ้น มักเป็นจุดเด่น (focal point) ของห้อง
คำว่า “chandelier” เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลเป็นอังกฤษว่า “candleholder” ซึ่งก็คือเชิงเทียนที่แขวนลงมาจากเพดาน แชนเดอเลียร์ในยุคแรกทำจากไม้รูปกากบาทอย่างง่าย ๆ มีเหล็กแหลมไว้ปักเทียนข้างบน ใช้ในโบสถ์ทั่วยุโรป และในคฤหาสน์ของเศรษฐี ต่อมามีการพัฒนาโดยนำโลหะมาดัดจนมีลวดลายสวยงามประณีตอ่อนช้อย นอกจากจะแสดงถึงฐานะทางการเงินของเจ้าของบ้านที่มีแสงสว่างยามค่ำคืนในยุคนั้นแล้ว เสน่ห์ของแชนเดอเลียร์แบบดั้งเดิมอยู่ที่แสงเทียนและเงาที่เกิดจากลวดลายของแชนเดอเลียร์
ปัจจุบันโคมไฟระย้าถูกทำขึ้นจากหลายวัตถุดิบ และหลายรูปแบบ จนทำให้ยากที่จะแบ่งว่ามีกี่แบบกี่ประเภท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน โดยทั่วไปการเลือกใช้โคมไฟระย้า จะเลือกตามสไตน์การแต่งห้อง จึงนิยมเลือกใช้และเรียกกันตามแบบของการออกแบบ เช่น โคมไฟระย้าคลาสสิค โคมไฟระย้าโมเดิร์น โคมไฟระย้า LED เป็นต้น
สมัยก่อน หากไปตามโรงแรมต่างๆ ที่มีห้องโถงกว้าง ๆ เรามักจะ เห็นแชนเดอร์เลียร์คริสตัลขนาดใหญ่ รูปทรง Classic เป็นเหมือนพระเอกประจำห้องประชุมเหล่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ แชนเดอร์เลียร์มีการพัฒนาทั้งรูปแบบ วัสดุ และขนาดมากขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับยุคสมัยด้วย โดยเราพอจะสรุปรูปแบบของแชนเดอร์เลียร์ที่นิยมนำมาตกแต่งได้ ดังนี้
- แชนเดอร์เลียร์แบบ Classic เป็นแชนเดอร์เลียร์รูปแบบดั่งเดิม เน้นสร้างความหรูหรา ภูมิฐาน ตัวแชนเดอร์เลียร์ประดับตกแต่งด้วยเม็ดคริสตัล และ นิยมลวดลายซับซ้อน ละเอียดอ่อน โครงหรือกิ่งก้านมักทำจากแก้ว เม็ดคริสตัลเมื่อกระทบกับแสงไฟจะส่งประกายระยิบระยับ นิยมเม็ดคริสตัลใส ส่วนมากจะใช้งานอยู่ตามตามโบสถ์สำคัญ ๆ ในต่างประเทศหรือสถานที่สำคัญ ๆ ในประวัติศาสตร์ เช่น พระราชวัง หรือ อาคารของรัฐบาล เป็นต้น
นอกจากกลุ่มแชนเดอร์เลียร์ คริสตัลแล้ว โคมไฟแชนเดอร์เลียร์ในกลุ่ม Classic ยังรวมไปถึงโคมไฟหิ่นอ่อน จำพวก Alabaster อีกด้วย ซึ่งโคมไฟกลุ่มนี้ จะให้อารมณ์ที่ออกเรียบ และ เย็นกว่า
- แชนเดอร์เลียร์แบบ Comtemporary แชนเดอร์เลียร์ที่มีความร่วมสมัยมากขึ้น เป็นการผสมผสานกันระหว่างรูปแบบคลาสสิคกับรูปแบบในปัจจุบัน เราจึงได้เห็นวัสดุใหม่ ๆ ถูกนำมาใช้กับแชนเดอร์เลียร์ เช่น ผ้า กระดาษสา เหล็กโครเมียม ทองเหลืองรมดำ แก้ว เขาหรือกระดูกสัตว์ แต่ก็อาจจะมีคริสตัลให้เห็นอยู่บ้าง ส่วนรูปทรงก็ค่อนมาทางเรียบ ๆ ไม่มีลวดลายซับซ้อนเท่ากับงาน classic โครงหรือกิ่งก้านจะเป็นโลหะ หรือวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ เขาหรือกระดูกสัตว์ ส่วนใหญ่แล้วเห็นได้ตามโถงโรงแรมหรู ๆ หรือสถานที่ที่ตกแต่งในบรรยากาศร่วมสมัย
- แชนเดอร์เลียร์ Modern Classic เป็นแชนเดอร์เลียร์ที่มีพื้นฐานมาจากแชนเดอร์เลียร์กลุ่ม classic เพิ่มเติมความทันสมัยด้วย วัสดุใหม่ ๆ เช่น โครงหรือกิ่งก้านเป็นเหล็ก ตัวโคมที่ทำจากผ้า หรือแก้วเป่า เน้นความรู้สึกเรียบง่าย อบอุ่น แต่เริ่มมีสีสันมากขึ้น รูปทรงยังคงความอ่อนช้อยงดงามแบบ classic ถ้าเคยเข้าไปใช้บริการร้านค้าต่าง ๆ ที่ตกแต่งในสไตล์ boutique shop อย่างร้านเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแถว ๆ สยาม ก็จะเห็นแชนเดอร์เลียร์ประเภทนี้ตกแต่งอยู่ภายในร้าน
- แชนเดอร์เลียร์ Modern แชนเดอร์เลียร์สมัยใหม่ที่เน้นความสวยงามแบบเรียบง่าย ไม่เหลือเค้าโครงแบบดั่งเดิมเลย ตกแต่งด้วยดวงโคมน้อยชิ้นเน้นรูปทรงเรขาคณิต ไม่โค้งมนมากนัก และจะไม่มีคริสตัลในแชนเดอร์เลียร์ประเภทนี้เลย แต่จะใช้วัสดุต่าง ๆ กันไปแล้วแต่ดีไซน์ เช่น เรซิ่น เหล็ก สเตนแลส และด้วยความที่รูปทรงเรียบง่ายก็เลยทำให้บางคนรู้สึกว่าดูแข็งเกินไป ไม่สวยงามนัก จึงเหมาะกับบ้านสไตล์โมเดิร์นเสียเป็นส่วนให
ลักษณะและองค์ประกอบ
โดยทั่วไป แชนเดอเลียร์จะมีลักษณะเด่นที่ประกอบด้วยหลายส่วนสำคัญ ดังนี้:
- โครงสร้างหลัก: มักทำจากวัสดุที่แข็งแรงและมีความสวยงาม เช่น โลหะผสมต่าง ๆ (ทองเหลือง เหล็ก เหล็กดัด) หรือไม้แกะสลัก บางรุ่นอาจผสมผสานวัสดุหลายชนิดเข้าด้วยกัน
- กิ่งแขนงหรือแขนโคม: เป็นส่วนที่ยื่นออกมาจากโครงสร้างหลัก และเป็นที่ติดตั้งหลอดไฟ กิ่งแขนงเหล่านี้มักได้รับการออกแบบให้โค้งงออย่างสวยงาม หรือมีลวดลายอ่อนช้อย
- จี้ห้อยระย้า: นี่คือส่วนที่ทำให้แชนเดอเลียร์มีความโดดเด่นและเป็นที่จดจำ จี้ห้อยระย้าอาจทำจากคริสตัลแก้ว ลูกปัดแก้ว อะคริลิก หรือวัสดุโปร่งแสงอื่น ๆ ที่สามารถหักเหและสะท้อนแสงไฟได้เป็นประกายระยิบระยับ เมื่อแสงตกกระทบ จี้เหล่านี้จะสร้างประกายที่งดงามและกระจายแสงไปทั่วบริเวณ
- หลอดไฟ: ปัจจุบันมีการใช้หลอดไฟหลายประเภท ทั้งหลอดไส้ หลอดฮาโลเจน หรือหลอด LED ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานและมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น บางรุ่นอาจมีระบบหรี่ไฟเพื่อปรับระดับความสว่างตามความต้องการ
- โซ่หรือแกนแขวน: ใช้สำหรับยึดแชนเดอเลียร์เข้ากับเพดาน มักได้รับการออกแบบให้มีความแข็งแรงและเข้ากับดีไซน์โดยรวมของแชนเดอเลียร์