เลือกหลอดไฟทั้งที เลือกที่ดี..ต่อใจ แล้วเลือกยังไงนะ?

หลอดไฟมีหลากหลายประเภท ถูกพัฒนาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันย่อมมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ดังนั้นก่อนจะเลือกใช้งานเราก็ควรรู้คุณสมบัติเด่นและข้อพิจรณาเสียก่อน เพื่อเปรียบเทียบและทำให้เลือกให้ได้ประสิทธิภาพและเหมาะสมกับการใช้งาน

แสงสว่าง เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวัน ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์ ทำให้เรามองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจนขึ้นในเวลากลางคืน นอกจากนี้ยังใช้เพื่อตกแต่งสถานที่ให้สวยงาม สร้างบรรยากาศให้น่าสนใจ สร้างอารมณ์และความรู้สึกให้กับสถานที่นั้นๆ เช่นในที่พักอาศัย โรงเรียน อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า หรือแหล่งท่องเที่ยวยามราตรี ดังนั้นการเลือกใช้หลอดไฟจึงต้องเลือกให้เหมาะสมกับสถานที่และตรงตามจุดประสงค์ของการใช้งาน Luxe Delier จึงขอแนะนำหลอดไฟ 5 ประเภท ทั้งข้อดีและข้อด้อยรวมถึงอายุการใช้งาน อัตราการใช้พลังงาน ให้ทุกท่านได้พิจรณาและเลือกใช้กัน

1) หลอดแอลอีดี (LED Lamp)

หลอดแอลอีดี (LED Lamp) ชื่อเต็มคือ Light-Emitting Diode หรือ ไดโอดเปล่งแสง ถือว่าได้รับการพัฒนามาจากเทคโนโลยีในยุคใหม่ๆ เป็นหลอดที่นิยมใช้มากที่สุดในปัจจุบัน หลักการทำงาน แอลอีดีนั้นทำจากสารกึ่งตัวนำ ให้แสงสว่างได้เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านสารกึ่งตัวนำนั้นแล้วอิเล็กตรอนมีการคายพลังงานออกมาในรูปของแสง ประหยัดพลังงานมากกว่าหลอดไฟประเภทอื่น เกิดความร้อนน้อยมาก ใช้ Watt น้อยแต่ให้แสงสว่างมากกว่า ถนอมสายตา เนื่องจากมีการกระพริบของหลอดน้อยมาก ไม่มีสาร UV ทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเนื่องจากไม่มีการใช้สารปรอท มีอายุการใช้งานประมาณ 15,000 – 50,000 ชั่วโมง หลอดแอลอีดีจึงถูกนำมาใช้งานหลากหลาย เช่น ระบบส่องสว่างในอาคารและนอกอาคาร ไฟส่องสว่างรถยนต์ ป้ายสัญญาณ ป้ายไฟ และจอแสดงภาพ

หลอด LED จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ที่ Luxe Dalier เลือกใช้ ให้กับคุณลูกค้า
ด้วยประสิทธิภาพการทำงาน อายุการใช้งาน อุณหภูิม ความประหยัดพลังงาน
และรูปทรงที่เหมาะสมกับโคมไฟระย้า โคมไฟคริสตัลแต่ละแบบ

2) หลอดอินแคนเดสเซนต์ (Incandescent Lamp)

หลอดอินแคนเดสเซนต์ (Incandescent Lamp) หรือที่เรามักเรียกว่า หลอดไส้ ส่วนใหญ่ใช้ทังสเตนเป็นไส้หลอด มีหลักการทำงานคือเมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านไส้หลอด จะเกิดความร้อนแล้วเปล่งแสงออกมา ข้อดีคือมีขนาดเล็ก ราคาถูก แต่ข้อเสียคืออายุการใช้งานสั้น ประมาณ 1,000 – 1,500 ชั่วโมง กินไฟมาก และสูญเสียพลังงานออกมาในรูปของความร้อนสูง ในอดีตมักใช้ตามอาคารบ้านเรือนทั่วไป แต่ความนิยมลดลงไปเรื่อย ๆ เนื่องจากมีหลอดไฟประเภทอื่นที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าให้เลือกใช้ 

3) หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ (Compact Fluorecent Lamp)

หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ (Compact Fluorescent Lamp) เป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์ขนาดเล็ก เรามักเรียกว่า หลอดตะเกียบ และยังมีรูปร่างอื่นๆที่หลากหลาย เช่นแบบเกลียว แบบหลอด แบบหลอดสี่แถวเป็นต้น มีขนาดกะทัดรัด ให้ความสว่างสูง เกิดความร้อนต่ำ มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 7,500 – 10,000 ชั่วโมง เหมาะกับโรงงานหรืออาคารเชิงพาณิชย์

4) หลอดแฮโลเจน (Halogen Lamp)

หลอดแฮโลเจน (Halogen Lamp) เป็นหลอดอินแคนเดสเซนต์ชนิดหนึ่ง เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านไส้หลอด เกิดความร้อนแล้วเปล่งแสงออกมาเช่นกัน แต่ภายในหลอดมีการบรรจุสารตระกูลแฮโลเจน เช่น ไอโอดีน เพื่อช่วยลดการสึกกร่อนของไส้หลอดทังสเตน ทำให้ทนทานขึ้น มีอายุการใช้งานประมาณ 1,500 – 3,000 ชั่วโมง แต่ยังคงสูญเสียพลังงานออกมาในรูปของความร้อนสูง ให้ค่าความถูกต้องของสีถึง 100 % มักใช้กับพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างเป็นพิเศษ เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์บางชนิด ตู้จัดแสดงสินค้า และเครื่องประดับ เป็นต้น

5) หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent Lamp หรือ Fluorescent Tube)

หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent Lamp หรือ Fluorescent Tube) เป็นหลอดลักษณะยาวที่พบเห็นได้ทั่วไปตามบ้านพักอาศัยและอาคารสำนักงาน มีหลักการทำงานคือเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขั้วไฟฟ้าที่บริเวณปลายหลอด ทำให้ไอปรอทที่บรรจุภายในหลอดเกิดการเคลื่อนที่และคายพลังงานออกมาในรูปของรังสีอัลตราไวโอเลตซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และเมื่อรังสีนั้นไปกระทบกับสารเรืองแสงที่ฉาบไว้บริเวณผิวด้านในของหลอด จึงเปล่งแสงที่มองเห็นได้ออกมา ให้แสงสว่างมากกว่าหลอดไส้ประมาณ 5 เท่า โดยใช้พลังงานไฟฟ้าเท่ากัน เกิดความร้อนต่ำ มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 6,000 ถึง 20,000 ชั่วโมง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *